ตำนานความเป็นมาของโหวด
ตำนานที่ 1 นิทานพื้นบ้านเกี่ยวข้องกับประเพณี
พญาแถนได้ทำสงครามกับพญาคันคาก (คางคก) พญาคันคากกล่าวหาว่า พญาแถนผู้บันดาลให้เกิดฟ้าฝนไม่มาเหลียวแลสรรพสัตว์ในโลกทำให้เกิดความอดอยากยากแค้น เนื่องจากฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล การรบครั้งนี้พญาจอมปลวก พญามอด พญาแมงป่อง ร่วมให้ความช่วยเหลือพญาคันคาก จนสามารถรบชนะทัพพญาแถน ฝ่ายพญาแถนสัญญาว่าจะปล่อยน้ำฝนให้โลกมนุษย์ตามฤดูกาลทุกปี พญาคันคากพอใจจึงแจ้งกับพญาแถนว่า จะส่งสัญญาณให้ปล่อยน้ำฝนเมื่อมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นบนสวรรค์ และหยุดปล่อยน้ำฝนเมื่อชาวโลกเล่นโหวดในฤดูเก็บเกี่ยว
ตำนานที่ 2
พระเจ้าพรหมทัตพอใจเสียงของนกการเวกในขณะออกล่าสัตว์ และอยากเก็บเสียงนั้นมาฟังในวังด้วย พระองค์จึงประกาศหาผู้คนที่สามารถประดิษฐ์เครื่องดนตรีที่มีเสียงคล้ายนกการเวก ผู้ใดสามารถประดิษฐ์ได้ พระองค์จะปูนบำเหน็จให้อย่างงาม ต่อมมาได้มีผู้นำเครื่องดนตรีมาถวายหลายชนิด แต่ไม่มีเครื่องดนตรีชนิดใดที่มีเสียงเหมือนนกการเวกเลย ในจำนวนนั้นมีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ หลายกระบอก มีความยาวลดหลั่นกันนำมามัดรวมกันรอบแกนไม้ไผ่ หัวของไม้ไผ่ติดด้วยขี้สูดเมื่อเป่าถวายพระเจ้าพรหมทัต พระองค์ทรงตรัสว่า เสียงไม่เหมือนนกการเวก แต่ดัง วูด โหวด โหวด ผู้คนจึงเรียกเครื่องดนตรีดังกล่าวว่า โหวด ตั้งแต่นั้นมา
มีความเชื่อกันว่า โหวดเกิดขึ้นมาหลายร้อยปี และเชื่อว่า โหวดเป็นสื่อที่มนุษย์ใช้ในการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้ฝนหยุดตก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่นี้หมายถึง พญาแถน ผู้ซึ่งทรงประทานน้ำฝนให้ตกในเเมืองมนุษย์เพื่อปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร หากมนุษย์ต้องการให้ฝนตกก็จะทำบั้งไฟจุดขึ้นบนท้องฟ้า เพื่อขอฝนจากพญาแถน ต่อมาจึงยึดถือปฏิบัติเป็นประเพณี คือ เดือนหกชาวอีสานจะจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประจำทุกปี
หากมีฝนตกขณะข้าวออกรวงสุกเต็มท้องนาก็จะแกว่งโหวดขึ้นบนท้องฟ้าให้เกิดเสียงดัง เพื่อพญาแถนจะได้ยินเป็นสัญญาณให้พญาแถนงดประทานฝน ดังนั้น โหวดและบั้งไฟจึงถูกจำกัดให้เล่นต่างฤดู
โหวดจึงถือว่าเป็นของเล่นของชาวอีสาน โดยใช้เชือกมัดแล้วแกว่งเล่น เหมือนสะนู ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้เป่าบรรเลงกับวงดนตรีพ้นบ้านโปงลาง และนำมาประยุกต์ใช้กับวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำ
พญาแถนได้ทำสงครามกับพญาคันคาก (คางคก) พญาคันคากกล่าวหาว่า พญาแถนผู้บันดาลให้เกิดฟ้าฝนไม่มาเหลียวแลสรรพสัตว์ในโลกทำให้เกิดความอดอยากยากแค้น เนื่องจากฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล การรบครั้งนี้พญาจอมปลวก พญามอด พญาแมงป่อง ร่วมให้ความช่วยเหลือพญาคันคาก จนสามารถรบชนะทัพพญาแถน ฝ่ายพญาแถนสัญญาว่าจะปล่อยน้ำฝนให้โลกมนุษย์ตามฤดูกาลทุกปี พญาคันคากพอใจจึงแจ้งกับพญาแถนว่า จะส่งสัญญาณให้ปล่อยน้ำฝนเมื่อมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นบนสวรรค์ และหยุดปล่อยน้ำฝนเมื่อชาวโลกเล่นโหวดในฤดูเก็บเกี่ยว
ตำนานที่ 2
พระเจ้าพรหมทัตพอใจเสียงของนกการเวกในขณะออกล่าสัตว์ และอยากเก็บเสียงนั้นมาฟังในวังด้วย พระองค์จึงประกาศหาผู้คนที่สามารถประดิษฐ์เครื่องดนตรีที่มีเสียงคล้ายนกการเวก ผู้ใดสามารถประดิษฐ์ได้ พระองค์จะปูนบำเหน็จให้อย่างงาม ต่อมมาได้มีผู้นำเครื่องดนตรีมาถวายหลายชนิด แต่ไม่มีเครื่องดนตรีชนิดใดที่มีเสียงเหมือนนกการเวกเลย ในจำนวนนั้นมีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ หลายกระบอก มีความยาวลดหลั่นกันนำมามัดรวมกันรอบแกนไม้ไผ่ หัวของไม้ไผ่ติดด้วยขี้สูดเมื่อเป่าถวายพระเจ้าพรหมทัต พระองค์ทรงตรัสว่า เสียงไม่เหมือนนกการเวก แต่ดัง วูด โหวด โหวด ผู้คนจึงเรียกเครื่องดนตรีดังกล่าวว่า โหวด ตั้งแต่นั้นมา
มีความเชื่อกันว่า โหวดเกิดขึ้นมาหลายร้อยปี และเชื่อว่า โหวดเป็นสื่อที่มนุษย์ใช้ในการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้ฝนหยุดตก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่นี้หมายถึง พญาแถน ผู้ซึ่งทรงประทานน้ำฝนให้ตกในเเมืองมนุษย์เพื่อปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร หากมนุษย์ต้องการให้ฝนตกก็จะทำบั้งไฟจุดขึ้นบนท้องฟ้า เพื่อขอฝนจากพญาแถน ต่อมาจึงยึดถือปฏิบัติเป็นประเพณี คือ เดือนหกชาวอีสานจะจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประจำทุกปี
หากมีฝนตกขณะข้าวออกรวงสุกเต็มท้องนาก็จะแกว่งโหวดขึ้นบนท้องฟ้าให้เกิดเสียงดัง เพื่อพญาแถนจะได้ยินเป็นสัญญาณให้พญาแถนงดประทานฝน ดังนั้น โหวดและบั้งไฟจึงถูกจำกัดให้เล่นต่างฤดู
โหวดจึงถือว่าเป็นของเล่นของชาวอีสาน โดยใช้เชือกมัดแล้วแกว่งเล่น เหมือนสะนู ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้เป่าบรรเลงกับวงดนตรีพ้นบ้านโปงลาง และนำมาประยุกต์ใช้กับวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำ
ที่มา : - คู่มือศึกษาดนตรีพื้นบ้านอีสาน โรงเรียนพลาญชัยพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ร้อยเอ็ด)
- https://www.youtube.com/watch?v=KgAMbBP6mFo
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น