1.2 การแบ่งโครงสร้างโลก
จากการศึกษาในเนื้อหาที่ 1.1 พบว่า ความเร็วของคลื่นไหวสะเทือนเปลี่ยนไปในแต่ละระดับความลึก นักวิทยาศาสตร์จึงได้วิเคราะห์ว่า องค์ประกอบต่างๆ ภายในโลกไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันตลอด แต่สามารถแบ่งออกเป็นชั้น คือ ฐานธรณีภาค มีโซสเฟียร์ แก่นโลกชั้นนอก และแก่นโลกชั้นใน
![]() |
การแบ่งโครงสร้างโลกดดยใช้สมบัติของคลื่นไหวสะเทือน |
ธรณีภาค (lithosphere) เป็นชั้นนอกสุดของโลก พบว่าคลื่นปฐมภูมิ และคลื่นทุติยภูมิจะคลื่นที่ผ่านธรณีภาคด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 6.4 - 8.4 กิโลเมตรต่อวินาที และ 3.7 - 4.8 กิโลเมตรต่อวินาที ตามลำดับ โดยทั่วไปชั้นนี้มีความลึกประมาณ 100 กิโลเมตร จากผิวโลก ประกอบด้วยหินที่มีสมบัติเป็นของแข็ง
![]() |
ความเร็วของคลื่นปฐมภูมิและทุติยภูมิ ในธรณีภาค |
ฐานธรณีภาค (asthenospere) เป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วไม่สม่ำเสมอ แบ่งออกเป็น 2 บริเวณ คือ
1) เขตคลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วลดลง (low velocity zone) เป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนคลื่นปฐมภูมิและทุติยภูมิมีความเร็วลดลง ืเกิดขึ้นในระดับความลึกประมาณ 100 - 400 กิโลเมตรจากผิวโลก เนื่องจากบริเวณนี้ประกอบด้วยหินที่มีสมบัติเป็นพลาสติก (อุณหภูมิและความดันบริเวณนี้ทำให้แร่บางชนิดที่อยู่ในหินเกิดการหลอมตัวเล็กน้อย) และวางตัวอยู่ส่วนล่างของธรณีภาค
2) เขตที่มีการเปลี่ยนแปลง (transitional zone) เป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ เกิดขึ้นในระดับความลึกประมาณ 400 - 660 กิโลเมตรจากผิวโลก เนื่องจากหินบริเวณส่วนล่างของบานธรณีภาคเป็นของแข็งที่แกร่ง และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแร่
![]() |
ความเร็วของคลื่นปฐมภูมิและทุติยภูมิ บริเวณเขตที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วลดลงและเขตที่มีการเปลี่ยนแปลงในฐานธรณีภาค |
มีโซสเฟียร์ (mesosphere) เป็นชั้นที่อยู่ใต้ฐานธรณีภาค และเป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนมีความเร็วเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ เนื่องจากหิน หรือสารปริมาณส่วนล่างของมีโซสเฟียร์มีสถานะเป็นของแข็งมีความลึกประมาณ 660 - 2,900 กิโลเมตร จากผิวโลก
แก่นโลกชั้นนอก (outer core) เป็นชั้นที่อยู่ใต้มีโซสเฟียร์ มีความลึกประมาณ 2,900 - 5,140 กิโลเมตร จากผิวโลก คลื่นปฐมภูมิมีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่คลื่นทุติยภูมิไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านชั้นดังกล่าวได้ เนื่องจากแก่นโลกชั้นนอกประกอบด้วยสารที่มีสถานะเป็นของเหลว บริเวณรอยต่อระหว่างแก่นโลกชั้นนอก และแก่นโลกชั้นในที่ระดับความลึก ประมาณ 5,140 กิโลเมตร จากผิวโลก คลื่นปฐมภูมิจะมีความเร็วเพิ่มขึ้น และเกิดคลื่นทุติยภูมิเคลื่อนที่อีกครั้ง และคลื่นไหวสะเทือนทั้งสองจะเคลื่อนที่ไปยังจุดศูนย์กลางของโลก ที่มีความลึกประมาณ 6,371 กิโลเมตร
แก่นโลกชั้นใน (inter core ) อยู่ที่ระดับความลึกประมาณ5,140 กิโลเมตร จนถึงจุดศูนย์กลางของโลก คลื่นปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิ มีอัตราเร็วค่อนข้างคงที่ เนื่องจากแก่นโลกชั้นในเป็นของแข็งที่เป็นเนื้อเดียวกัน
นอกจากกล่าวมาข้างต้น นักวิทยาศาตร์ยังได้แบ่งโครงสร้างโลกจากการศึกษาส่วนประกอบทางเคมีของหิน รวมทั้งสารต่างๆ ที่อยู่ภายในโลก ซึ่งแบ่งออกเป็น เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก
![]() |
การแบ่งโครงสร้างโลกจากการศึกษาส่วนประกอบทางเคมีของหินและสารต่างๆ |
เปลือกโลก (crust) เป็นเสมือนผิวด้านนอกที่ปกคลุมโลก แบ่งออกได้เป็น
บริเวณ คือ เปลือโลกทวีป (confinental crust) และเปลือกโลกมหาสมุทร (oceanic crust) โดยเปลือกโลกทวีป หมายถึง ส่วนที่เป็นพื้นทวีปและไหล่ทวีป มีความหนาเฉลี่ย 35 - 40 กิโลเมตร และบางบริเวณอาจหนามากกว่า 70 กิโลเมตร เช่น บริเวณที่เป็นเทือกเขาหิมาลัย เป็นต้น เปลือกโลกทวีปประกอบด้วยธาตุซิลิคอนและธาตุอะลูมิเนียมเป็นส่วนใหญ่
ส่วนเปลือกมหาสมุทร หมายถึง ส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทรต่างๆ มีความหนาประมาณ 5 -10 กิดลเมตร ประกอบด้วยธาตุซิลิคอนและธาตุแมกนีเซียมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลักษณะดดยทั่วไปของเปลือกโลกทวีปและเปลือกโลกมหาสมุทร สามารถสรุปได้ ดังภาพและตาราง
![]() |
การเปรียบเทียบลักษณะของเปลือกโลกทวีปและเปลือกโลกมหาสมุทร |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น