ศ33102 (ดนตรีอาหรับ) ลักษณะเด่นของดนตรีในแต่ละวัฒนธรรม

            อาจกล่าวได้ว่าวิทยาการของมนุษย์ในปัจจุบันนั้น เป็นมรดกตกทอดมาจากวิทยาการของเหล่านักคิดในอดีตที่สืบทอดและพัฒนาต่อเนื่องกันมา การสืบทอดของชาวอาหรับนี้อาศัยการถอดแปลภาษา (translation) เป็นวิธีการสำคัญที่ขับเคลื่อนการถ่ายโอนความรู้สู่อารยธรรมอาหรับ หนังสือตำรับตำราจำนวนมากของกรีก – โรมันโบราณ และจากแหล่งอารยธรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาคณิตศาสตร์ แพทยศาสตร์ ปรัชญา การเมือง และอุดมคติทางสังคม รวมทั้งชิ้นงานของนักคิดสำคัญ ๆ อาทิ ปโตเลมี เพลโต อริสโตเติล ดิโอสโคไรดิส เกเลน หรือแม้แต่ตำราทางพุทธศาสนาและศาสนาฮินดู ได้รับการถอดแปลภาษาจากภาษาท้องถิ่นสู่ภาษาอาหรับ โดยมีบ้านแห่งปัญญา (House of Wisdom) ในกรุงแบกแดด เป็นศูนย์กลางการรวบรวมและการแปลภาษาที่มีบทบาทในโลกอาหรับยาวนานกว่าศตวรรษ 
วิทยาการของอาหรับจะเจริญรุ่งเรืองมิได้โดยสมบูรณ์ หากพัฒนาการทางภาษาอาหรับซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการเรียนรู้ มิได้พัฒนาไปด้วย ภาษาอาหรับ (Arabic Language) จึงเป็นทั้งวิทยาการและเป็นปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนให้ศาสตร์อื่น ๆ ของชาวอาหรับเป็นปึกแผ่นและแพร่หลายออกไป 
                ภาษาอาหรับเป็นภาษาในตระกูล Semetic ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาอื่น ๆ อาทิ ภาษาอารามิก (Aramaic) ภาษา
อัสสิเรีย - บาบีโลน (Assyro – Babylonian) เป็นต้น โดยภาษาอาหรับที่ใช้ในปัจจุบัน คือ ภาษาฟุสฮะ(Fusha) [i] เป็นภาษาอารบิกในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน (Qur’anic Arabic) ซึ่งใช้เป็นภาษาอาหรับราชการในภูมิภาคตะวันออกกลางในปัจจุบัน
 
ภาษาอาหรับ (ขวา) จะมีความคล้ายคลึงกับภาษาอารามิก (ซ้าย)  เนื่องจากเป็นภาษาในตระกูล Semetic เช่นเดียวกัน 

 แม้จะมีการถกเถียงเรื่องความเก่าแก่ของภาษาอาหรับ[ii] ทว่านักโบราณคดีต่างยอมรับในเบื้องต้นว่าภาษาอาหรับมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยเป็นอักขระภาษาลูกที่ได้รับการพัฒนามาจากอักษรเซมิติกดั้งเดิม (Proto-Semitic) ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุเก่าแก่ประมาณ 1,800 – 1,600 ปีก่อนคริสต์กาล ภาษาอาหรับฟุสฮะ นับว่ามีบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาวิทยาการและวิทยาศาสตร์ของชาวอาหรับในช่วงยุคทอง เมื่อภาษาอาหรับและศาสนาอิสลามได้มาบรรจบกันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 เป็นผลให้ชาวมุสลิมผู้ศรัทธาในศาสนายอมรับภาษาอาหรับในการสื่อสาร ทั้งศาสนพิธีและกิจวัตรประจำวัน ด้วยเหตุนี้การพัฒนาองค์ความรู้จึงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพราะความแพร่หลายของภาษาอาหรับในหมู่นักวิชาการอาหรับมุสลิมมากยิ่งขึ้น 
แผนภาพแสดงวิวิัฒนาการของภาษาในตระกูลอักษรเซมิติกดั้งเดิม (Proto-Semitic)  โดยภาษาอาหรับ 
(ลำดับที่ 2 จากขวา)
แตกแขนงออกมาจากภาษาอารามิก (Aramaic)  โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับภาษาอื่น ๆ ในตระกูลเดียวกัน 

                เอกลักษณ์ของภาษาอาหรับยังปรากฏในภาษาอื่น ๆ อาทิ การยืมรากศัพท์ไปใช้ในภาษาอังกฤษ เช่น คำว่า พลเรือเอก (Admiral: Amir Al – Bahar) อำพัน (Amber: Amber) เป็นต้น  ทั้งยังมีอิทธิพลในภาษาอื่น ๆ ทั้งภาษาสเปน ภาษาตุรกี ภาษาเคิร์ด ภาษาเปอร์เซียในเอเชียตะวันตก ภาษาสวาฮิลี ภาษาโซมาลีในแอฟริกา ภาษาอุซเบก ภาษาตาตาร์ในเอเชียกลาง ภาษาอูรดู ภาษาปัญจาบในเอเชียใต้ ภาษามลายู ภาษายาวีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแสดงถึงความแพร่หลายและอิทธิพลทางภาษาอาหรับที่มีต่อทั้งวิทยาการและต่อภาษาอื่น ๆ


               ในช่วงยุคทองนี้ งานศิลปกรรมของชาวอาหรับมีความผูกพันกับศาสนาอิสลามและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น กล่าวคือ มีองค์ประกอบของ อักษรวิจิตร (Calligraphy) ที่เป็นข้อความจากพระผู้เป็นเจ้าในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน ลวดลายดอกไม้ (arabesque)[iii]ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอาหรับ เพื่อสื่ออารมณ์ความเขียวชอุ่มของพรรณไม้และธารน้ำเย็น และ ลวดลายเรขาคณิต (Geometric Design) ซึ่งแสดงถึงความเป็นเอกภาพภายใต้ความหลากหลาย (unity within diversity)[iv] และความสมบูรณ์แบบ (perfection) ของสรรพสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นโดยพระเจ้า 

งานศิลปกรรมของชาวอาหรับโดยปกติจะมีความผูกพันกับศาสนาอิสลาม   ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญของงานศิลป์อาหรับ
จะมีลักษณะเด่น 3 ประการ คือ มีอักษรวิิจิตร (ซ้าย)  มีลวดลายดอกไม้ (กลาง) และมีลวดลายเรขาคณิต (ขวา)
ซึ่งลวดลายทั้งหมดล้วนมีความหมายและมีที่มาในตัวเอง    ทั้งนี้  พบเห็นได้มากจากงานจิตกรรมฝาผนัง และงานสถาปัตยกรรม

 ดนตรีอาหรับ มีวิทยาการมานับ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 และมีอิทธิพลเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อาทิ อัล คินดิ (Al-Kindi) เป็นผู้ริเริ่มในการใช้โน้ตดนตรีในการเขียนเพลง และเป็นผู้ตั้งชื่อโน้ตของระดับเสียงดนตรีโดยใช้พยางค์แรกของแต่ละวรรคแทน ที่การใช้ตัวอักษรศาสตร์การดนตรีเรียกระบบนี้ว่า โซลมิเซชั่น (Solmization)  พยางค์เหล่านี้กลายเป็นระดับเสียงพื้นฐานของดนตรี คือ Do Re Mi Fa Sol La Ti ในปัจจุบัน ซึ่งระดับเสียง 
พื้นฐานเหล่านี้มาจากภาษาอาหรับ คือ Dal Ra Min Fa Sad และ Lam 
            การเดินทางไปยังท้องที่ต่าง ๆ ของนักดนตรีและพ่อค้าชาวอาหรับ มีส่วนให้ดนตรีอาหรับถ่ายทอดและหล่อหลอมรูปแบบชีวิต วัฒนธรรมและศิลปะยุโรป โดยเฉพาะบริเวณคาบสมุทรไอบีเรีย สเปน และโปรตุเกสในสมัยการปกครองของอาณาจักรอัล อันดาลุส 
(Al-Andalus) อิทธิพลของอาณาจักรอิสลามในช่วง 800 ปีนี้ ผลักดันให้อารยธรรมดนตรีของโลกมุสลิมได้เผยแพร่ไปยังยุโรปด้วย 

 
ครื่องดนตรีอัลอู๊ด (Al-Ud) (บน) และเครื่องดนตรีลุต (Lute) (ล่าง)  เป็นเครื่องสายที่มีลักษณะคล้ายกีตาร์ในปัจจุบัน 
 อัลคินดิ ยังเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีอัล อู๊ด (Al-Ud) ซึ่งเป็นเครื่องสายชิ้นแรกของโลกมุสลิมที่มีลวดลายสลักประณีต สวยงาม และอาณาจักรอันดาลุสที่มีอิทธิพลเหนือแว่นแคว้นในสเปนได้ถ่ายทอดเครื่องดนตรีชิ้นนี้สู่ยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 เป็นต้นตระกูลเครื่องสายที่เรียกว่าลุต (Lute) ซึ่งเป็นกีตาร์รุ่นแรก ๆ ของยุโรป โดยอัลอู๊ดจะมีลักษณะคล้ายกีตาร์ ด้านหน้าเป็นรูปวงรี มีขนาดใหญ่กว่ากีตาร์ในปัจจุบันเล็กน้อย ขึงด้วยสายคล้ายกีตาร์ในปัจจุบันและมีเสียงไพเราะ 
            นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดนตรีที่เรียกว่า คานุน (Kanun) มีลักษณะคล้ายกับขิมหรือพิณ เวลาดีดจะมีเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง และทับ หรือ ทับบล้า (Tubla) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี ชาวอาหรับนิยมชมชอบเป็นอย่างยิ่ง เพราะราคาย่อมเยา หาซื้อได้ง่าย และสามารถพกพาไปในงานเลี้ยงสังสรรค์ได้สะดวก เป็นเครื่องดนตรีประกอบการละเล่นพื้นเมืองหลายชนิด อาทิ การใช้ทับบล้าตีให้จังหวะระบำหน้าท้อง ซึ่งเป็นการเต้นรำในโลกมุสลิมที่มีชื่อเสียงมาก 

                                  ตัวอย่าง เพลงอาหรับ







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์

เครื่องหมาย และสัญลักษณ์ในดนตรีสากล

วิวัฒนาการของดนตรีไทยในแต่ละยุคสมัย (สมัยรัตนโกสินธ์)