ศ33102 (ดนตรีแอฟริกา) ลักษณะเด่นของดนตรีในแต่ละวัฒนธรรม
ดนตรีแอฟริกัน
ดนตรีของชาวแอฟริกันเป็นดนตรีที่ผู้ฟังมีส่วนร่วม สามารถเป็นทั้งผู้เล่น ผู้เต้นรำ และผู้ฟังไปในเวลาเดียวกัน รูปแบบดนตรีแอฟริกันมีความโดเด่นในด้านการบรรเลงเครื่องกระทบที่มีจังหวะเร้าใจ ซึ่งดนตรีตามแบบดั้มเดิมของชาวแอฟริกันมักจะสิ่งต่างๆเข้ามาประกอบในการแสดงออกทางดนตรีด้วย เช่น การตกแต่งร่างกาย เสื้อผ้า การเต้นรำ รูปปั้น ส่วนเพลงขับร้องนั้นชาวแอฟริกันใช้เพื่อแสดงออกทางความคิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเล่านิทาน ที่กล่าวถึงความเป็นมาของชนเผ่า และใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น การฉลองเด็กเกิดใหม่ พิธีแต่งงาน รวมไปถึงการล่าสัตว์ สงครามระหว่างชนเผ่า เป็นต้น
ในปัจจุบัน ดนตรีแอฟริกันได้ปรับเปลี่ยนและผสมผสานกับวัฒนธรรมตะวันตก เพื่อให้เกิดดนตรีรูปแบบใหม่ๆ แต่ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ ทั้งนี้ไม่เพียงเปลี่ยนด้านลักษณะของดนตรี แต่ยังรวมไปถึงบริบทของดนตรีด้วย กล่าวคือ บทบาทของผู้ฟังและผู้เล่นเปลี่ยนจากที่ทุกคนมีส่วนร่วมกลายเป็นผู้ฟังอย่างเดียว ในขณะเดียวกันบทเพลงจากเดิมที่เกิดจากการด้นสดไม่มีการบันทึกโน้ต ก็เปลี่ยนไปสู่การสร้างบทประพันธ์ใหม่ มีการเขียนบันทึกโน้ตเพลง และนำเอาเครื่องดนตรีตะวันตกมาประสม ซึ่งบทประพันธ์ใหม่ที่เกิดขึ้นได้สะท้อนถึงการยอมรับอิทธิพลดยตนรตะวันตกที่เข้ามาผสมผสานในวัฒนธรรมของตน
ระบบเสียงและลักษณะของดนตรีอัฟริกัน
เพลงร้องและเพลงบรรเลงในดนตรีอัฟริกันมีหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งบันไดเสียงก็มีใช้อย่างมากมายหลายรูปแบบด้วยเหมือนกัน โครงสร้างของบันไดเสียงในดนตรีอัฟริกันที่ถูกนำไปใช้มากจะเป็นแบบ 5 เสียง (pentatonic) และ 7 เสียง (heptatonic) เหมือนกับบทเพลงในดนตรีตะวันตกที่ใช้โครงสร้างของบันไดเสียงไดอะโทนิก (diatonic scale) ประโยคเพลงจะเป็นแบบสั้น ๆ มีวรรคถามและวรรคตอบ มีการนำประโยคเดิมมาใช้ซ้ำบ่อย ๆ ในเพลงร้องวรรคถามจะร้องด้วยเสียงเดียว (Solo) แต่ในวรรคตอบจะร้องด้วยเสียงหลายเสียง (Chorus) พร้อม ๆ กัน
เพลงร้องและเพลงบรรเลงในดนตรีอัฟริกันมีหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งบันไดเสียงก็มีใช้อย่างมากมายหลายรูปแบบด้วยเหมือนกัน โครงสร้างของบันไดเสียงในดนตรีอัฟริกันที่ถูกนำไปใช้มากจะเป็นแบบ 5 เสียง (pentatonic) และ 7 เสียง (heptatonic) เหมือนกับบทเพลงในดนตรีตะวันตกที่ใช้โครงสร้างของบันไดเสียงไดอะโทนิก (diatonic scale) ประโยคเพลงจะเป็นแบบสั้น ๆ มีวรรคถามและวรรคตอบ มีการนำประโยคเดิมมาใช้ซ้ำบ่อย ๆ ในเพลงร้องวรรคถามจะร้องด้วยเสียงเดียว (Solo) แต่ในวรรคตอบจะร้องด้วยเสียงหลายเสียง (Chorus) พร้อม ๆ กัน
พื้นผิว หรือ รูปพรรณ (Texure) ของดนตรีอัฟริกัน | |||
เสียงประสานที่เกิดขึ้นในดนตรีอัฟริกันจะไม่เหมือนกับดนตรีตะวันตก ดนตรีอัฟริกันนิยมการตกแต่งทำนองให้แปลกไปกว่าเดิม บางครั้งจะร้องเสียงยาวต่อเนื่องกันพร้อมกับเสียงอื่น ๆ หรืออาจจะร้องทำนองเดิม ด้วยระดับเสียงใหม่ไปพร้อมกันกับทำนองเดิม ทำให้รูปพรรณดนตรีแบบเฮเทโรโฟนี (Heterophony) เกิดขึ้น ขั้นคู่เสียงที่ถูกนำมาใช้บ่อยที่สุด คือ ขั้นคู่ 3 ส่วนขั้นคู่อื่น ๆ ก็มีบ้างแต่ไม่มากเท่าขั้นคู่ 3 จังหวะการตีกลองของดนตรีอัฟริกันช่วยทำให้กิจกรรมดนตรีน่าสนใจมากขึ้น ชาวอัฟริกันมีความสามารถในการตีกลองไม่แพ้ชาวอินเดีย การบรรเลงดนตรีอัฟริกาบางรูปแบบจะใช้อัตราจังหวะที่แตกต่างกัน บรรเลงในเวลาเดียวกัน ด้วยเครื่องดนตรีที่ต่างกัน ทำให้รูปพรรณดนตรีแบบโพลีโฟนี (Polyphony) เกิดขึ้น
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น