เครื่องหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรีไทย
๑. โน้ตเพลงไทย
โน้ตเพลงไทย มีหลายลักษณะทั้งงที่ใช้ตัวเลขแทนเสียงและใช้ตัวอักษรไทยแทนเสียง ในปัจจุบันนิยมใช้ตัวอักษรแทนเสียง เสียงของดนตรีไทยมีทั้งหมด ๗ เสียง แต่ละช่วงเสียงห่างกัน ๑ เสียงเต็มเท่ากันทุกเสียง ตัวอักษรที่ใช้แทนเสียงตัวโน้ตของไทย ได้แก่ ด ใช้แทนเสียง โด ตัว ร ใช้แทนเสียง เร ตัว ม ใช้แทนเสียง มี ตัว ฟ ใช้แทนเสียง ฟา ตัว ซ ใช้แทนเสียง ซอล ตัว ล ใช้แทนเสียง ลา และ ตัว ท ใช้แทนเสียง ที
ในการบันทึกโน้ต ถ้าโน้ตระดับเสียงขึ้นเป็นคู่ ๘ กำหนดให้ใช้เครื่องหมาย ํ โดยเขียนไว้บนตัวโน้ต เช่น ดํ รํ มํ เป็นต้น
๒. รูปแบบการบันทึกโน้ตเพลงไทย
การบันทึกโน้ตเพลงไทยโดยทั่วไป บรรทัดหนึ่งจะแบ่งเป็น ๘ ห้อง เท่าๆกัน ดังนี้
ในแต่ละห้องเพลงจะประกอบไปด้วยตัวอักษณที่ใช้แทนเสียงตัวโน้ต ๔ ตัว เสียงตัวโน้ตมีทั้งสั้นและยาว ในการบันทึกโน้ตเสียงยาวจะใช้สัญลักษณ์ - แทนความยาวของจังหวะ - มีค่าเท่ากับความยาวของโน้ต ๑ ตัว ถ้ายาวมากก็ให้เพิ่มจำนวนสัญลักษณ์ตามขนาดความยาวของจังหวะนั้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความยาวของตัวโน้ตแต่ละตัวว่า ต้องการให้มีความยาวมากน้อยเพียบงใด ในเบื้งต้นวิธีง่ายที่สุดที่จะช่วยให็ผู้เรียนเข้าใจจังหวะและสามารถอ่านโน้ตได้อย่างถูกต้อง ก็คือฝึกให้ผู้เรียนอ่านโน้ตและเคาะจังหวะโน้ตตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง ( โน้ตตัวที่ ๑ และ ๓ เป็นจังหวะที่ยกมือขึ้นทั้ง ๒ ตัว ) ให้ฝึกอ่านโน้ตในจังหวะที่หลากหลาย ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้สามารถเข้าใจจังหวะย่อยในแต่ละห้องเพลงได้ชัดเจนขึ้น
ตัวอย่าง โน้ตทั่วไปที่มีความยาวของจังหวะเท่าๆกัน
ให้ฝึกปฏิบัติอ่านโน้ตต่อไปนี้พร้อมเคาะจังหวะตรงตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง
ตัวอย่าง โน้ตที่มีความยาวเท่ากับโน้ต ๒ ตัว
ฝึกปฏิบัติโดยอ่านโน้ตต่อไปนี้พร้อมเคาะจังหวะตรงตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง โน้ตตัวใดทีมีเครื่องหมาย - ตาม ให้อ่านเสียงยวให้ครบตามจังหวะ
ตัวอย่าง โน้ตที่มีเสียงยาวและสั้น ปนกัน
ฝึกปฏิบัติโดยอ่านโน้ตต่อไปนี้พร้อมเคาะจังหวะตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง
๓. อัตราจังหวะพื้ฐานเพลงไทย
จังหวะเพลงไทยเดิมที่นิยมบรรเลงกันทั่วไป ซึ่งบัญญัติไว้เป็นศัพท์สังคีต ๓ คำ คือ สามชั้น สองชั้น และชั้นเดียว ดังนี้
สามชั้น หมายถึง อัตราจังหวะที่มีความยาวมากที่สุด หรือ ช้าที่สุด มีความยาวเท่ากับอัตราจังหวะสองชั้น ๒ จังหวะ และเท่ากับอัตราจังหวะชั้นเดียว ๔ จังหวะ ถ้าเคาะตามจังหวะฉิ่ง จะเคาะตรงโน้ตตัวที่๔ ของห้องคู่ คือ ห้องที่ ๒ , ๔ , ๖ , ๘ ของแต่ละบรรทัด ดังตัวอย่าง
สองชั้น หมายถึง อัตราจังหวะที่มีความยาวปานกลาง สั้นกว่าอัตราจังหวะสามชั้น ๑ เท่าและยาวกว่าอัตราจังหวะชั้นเดียว ๑ เท่า ดังนั้น ถ้าเคาะตามจังหวะฉิ่ง จะเคาะตรงตัวโน้ตตัวที่ ๔ ของแต่ละห้อง ดังนี้
โน้ตเพลงไทย มีหลายลักษณะทั้งงที่ใช้ตัวเลขแทนเสียงและใช้ตัวอักษรไทยแทนเสียง ในปัจจุบันนิยมใช้ตัวอักษรแทนเสียง เสียงของดนตรีไทยมีทั้งหมด ๗ เสียง แต่ละช่วงเสียงห่างกัน ๑ เสียงเต็มเท่ากันทุกเสียง ตัวอักษรที่ใช้แทนเสียงตัวโน้ตของไทย ได้แก่ ด ใช้แทนเสียง โด ตัว ร ใช้แทนเสียง เร ตัว ม ใช้แทนเสียง มี ตัว ฟ ใช้แทนเสียง ฟา ตัว ซ ใช้แทนเสียง ซอล ตัว ล ใช้แทนเสียง ลา และ ตัว ท ใช้แทนเสียง ที
ในการบันทึกโน้ต ถ้าโน้ตระดับเสียงขึ้นเป็นคู่ ๘ กำหนดให้ใช้เครื่องหมาย ํ โดยเขียนไว้บนตัวโน้ต เช่น ดํ รํ มํ เป็นต้น
๒. รูปแบบการบันทึกโน้ตเพลงไทย
การบันทึกโน้ตเพลงไทยโดยทั่วไป บรรทัดหนึ่งจะแบ่งเป็น ๘ ห้อง เท่าๆกัน ดังนี้
ในแต่ละห้องเพลงจะประกอบไปด้วยตัวอักษณที่ใช้แทนเสียงตัวโน้ต ๔ ตัว เสียงตัวโน้ตมีทั้งสั้นและยาว ในการบันทึกโน้ตเสียงยาวจะใช้สัญลักษณ์ - แทนความยาวของจังหวะ - มีค่าเท่ากับความยาวของโน้ต ๑ ตัว ถ้ายาวมากก็ให้เพิ่มจำนวนสัญลักษณ์ตามขนาดความยาวของจังหวะนั้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความยาวของตัวโน้ตแต่ละตัวว่า ต้องการให้มีความยาวมากน้อยเพียบงใด ในเบื้งต้นวิธีง่ายที่สุดที่จะช่วยให็ผู้เรียนเข้าใจจังหวะและสามารถอ่านโน้ตได้อย่างถูกต้อง ก็คือฝึกให้ผู้เรียนอ่านโน้ตและเคาะจังหวะโน้ตตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง ( โน้ตตัวที่ ๑ และ ๓ เป็นจังหวะที่ยกมือขึ้นทั้ง ๒ ตัว ) ให้ฝึกอ่านโน้ตในจังหวะที่หลากหลาย ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้สามารถเข้าใจจังหวะย่อยในแต่ละห้องเพลงได้ชัดเจนขึ้น
ตัวอย่าง โน้ตทั่วไปที่มีความยาวของจังหวะเท่าๆกัน
ให้ฝึกปฏิบัติอ่านโน้ตต่อไปนี้พร้อมเคาะจังหวะตรงตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง
ด ด ด ด
|
ร ร ร ร
|
ม ม ม ม
|
ฟ ฟ
ฟ ฟ
|
ซ ซ ซ ซ
|
ล ล ล ล
|
ท ท ท ท
|
ดํ ดํ ดํ ดํ
|
ตัวอย่าง โน้ตที่มีความยาวเท่ากับโน้ต ๒ ตัว
ฝึกปฏิบัติโดยอ่านโน้ตต่อไปนี้พร้อมเคาะจังหวะตรงตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง โน้ตตัวใดทีมีเครื่องหมาย - ตาม ให้อ่านเสียงยวให้ครบตามจังหวะ
- ด - ด
|
- ร - ร
|
- ม - ม
|
- ฟ
- ฟ
|
- ซ - ซ
|
- ล - ล
|
- ท - ท
|
- ดํ - ดํ
|
ตัวอย่าง โน้ตที่มีเสียงยาวและสั้น ปนกัน
ฝึกปฏิบัติโดยอ่านโน้ตต่อไปนี้พร้อมเคาะจังหวะตัวที่ ๒ และ ๔ ของแต่ละห้อง
- - - ร
|
- ร ร ร
|
- ซ – ม
|
ร ด ร ม
|
- - - -
|
ซ ล ด ร
|
- ด – ม
|
ร ร ร ร
|
- - - ซ
|
- ซ ซ ซ
|
ล ซ ม ซ
|
- ล – ด
|
- - - ด
|
- ด ด ด
|
- ซ – ม
|
ร ด – ร
|
๓. อัตราจังหวะพื้ฐานเพลงไทย
จังหวะเพลงไทยเดิมที่นิยมบรรเลงกันทั่วไป ซึ่งบัญญัติไว้เป็นศัพท์สังคีต ๓ คำ คือ สามชั้น สองชั้น และชั้นเดียว ดังนี้
สามชั้น หมายถึง อัตราจังหวะที่มีความยาวมากที่สุด หรือ ช้าที่สุด มีความยาวเท่ากับอัตราจังหวะสองชั้น ๒ จังหวะ และเท่ากับอัตราจังหวะชั้นเดียว ๔ จังหวะ ถ้าเคาะตามจังหวะฉิ่ง จะเคาะตรงโน้ตตัวที่๔ ของห้องคู่ คือ ห้องที่ ๒ , ๔ , ๖ , ๘ ของแต่ละบรรทัด ดังตัวอย่าง
ด ด ด ด
|
ฉิ่ง
ร ร ร ร
|
ม ม ม ม
|
ฉับ
ฟ ฟ
ฟ ฟ
|
ซ ซ ซ ซ
|
ฉิ่ง
ล ล ล ล
|
ท ท ท ท
|
ฉับ
ดํ ดํ ดํ ดํ
|
สองชั้น หมายถึง อัตราจังหวะที่มีความยาวปานกลาง สั้นกว่าอัตราจังหวะสามชั้น ๑ เท่าและยาวกว่าอัตราจังหวะชั้นเดียว ๑ เท่า ดังนั้น ถ้าเคาะตามจังหวะฉิ่ง จะเคาะตรงตัวโน้ตตัวที่ ๔ ของแต่ละห้อง ดังนี้
ฉิ่ง
ด ด ด ด |
ฉับ
ร ร ร ร |
ฉิ่ง
ม ม ม ม |
ฉับ
ฟ ฟ ฟ ฟ |
ฉิ่ง
ซ ซ ซ ซ |
ฉับ
ล ล ล ล |
ฉิ่ง
ท ท ท ท |
ฉับ
ดํ ดํ ดํ ดํ |
ชั้นเดียว หมายถึง อัตราจังหวะที่สั้นที่สุด มีความยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งของอัตราจังหวะสองชั้น ถ้าเคาะตามจังหวะฉิ่งเท่ากับจังหวะย่อยของโน้ตที่ได้ฝึกปฏิบัติข้างต้น คือ จังหวะ ฉิ่ง ลงตำแหน่งอขงตัวโน้ตที่ ๒ และจังหวะ ฉับ ลงตัวโน้ตตัวที่ ๔
ฉิ่ง ฉับ
ด ด ด ด
|
ฉิ่ง ฉับ
ร ร ร ร
|
ฉิ่ง ฉับ
ม ม ม ม
|
ฉิ่ง ฉับ
ฟ ฟ
ฟ ฟ
|
ฉิ่ง ฉับ
ซ ซ ซ ซ
|
ฉิ่ง ฉับ
ล ล ล ล
|
ฉิ่ง ฉับ
ท ท ท ท
|
ฉิ่ง ฉับ
ดํ ดํ ดํ ดํ
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น